สหภาพยุโรป เนื้อหา ภูมิศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ เชิงอรรถ อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น รายการเลือกการนำทางeuropa.euกแก้"Eurostat – Population on 1 January 2016""IMF World Economic Outlook Database, October 2016""Gini coefficient of equivalised disposable income (source: SILC)""Common commercial policy""Agriculture and Fisheries Council""Overview of the European Union activities: Regional Policy""European Union""European Union"EU enlargement and the constitutions of Central and Eastern Europe"European Union reaches 500 Million through Combination of Accessions, Migration and Natural Growth"สหภาพยุโรปเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรปเว็บไซต์ของผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทยเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการยุโรป ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมThaieurope.netกกกเพิ่มข้อมูล
สหภาพยุโรประบบการเมืองระบอบสหพันธรัฐบทความเกี่ยวกับ การเมืองการปกครอง ที่ยังไม่สมบูรณ์
อังกฤษรัฐสมาชิก 28 ประเทศเกษตรกรรมหนังสือเดินทางพื้นที่เชงเกนสหภาพการเงินยูโรสหภาพเหนือชาติสถาบันของสหภาพยุโรปที่ประชุมยุโรปคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปรัฐสภายุโรปคณะกรรมาธิการยุโรปศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปธนาคารกลางยุโรปศาลผู้สอบบัญชียุโรปประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรปประชาคมเศรษฐกิจยุโรปอินเนอร์ซิกส์สนธิสัญญามาสทริชท์สนธิสัญญาลิสบอนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อดัชนีการพัฒนามนุษย์โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพองค์การการค้าโลกจี7จี-20อภิมหาอำนาจยอดเขามงบล็องเกรเอียนแอลป์เฟรนช์เกียนาภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทรภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนเบเนลักซ์โคเปนเฮเกนสิทธิมนุษยชนหลักนิติธรรมกรีนแลนด์จังหวัดปกครองตนเองสนธิสัญญาลิสบอนประเทศแอลเบเนียไอซ์แลนด์มาซิโดเนียมอนเตเนโกรเซอร์เบียตุรกีประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาคอซอวอสมาคมการค้าเสรียุโรปลิกเตนสไตน์นอร์เวย์พื้นที่เศรษฐกิจยุโรปสวิตเซอร์แลนด์อันดอร์ราโมนาโกซานมารีโนนครรัฐวาติกันสมาพันธรัฐสหพันธรัฐบุคคลธรรมดานิติบุคคลกฎหมายระหว่างประเทศรัฐเอกราชองค์การระหว่างประเทศที่ประชุมยุโรปคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปรัฐสภายุโรปคณะกรรมาธิการยุโรปศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปศาลผู้สอบบัญชียุโรปสภานิติบัญญัติสภานิติบัญญัติฝ่ายบริหารฝ่ายตุลาการธนาคารกลางดอนัลต์ ตุสก์สภายุโรปคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปการมีผู้แทนตามสัดส่วนฌอง-โคลด ยุงเคอร์องค์การการค้าโลกยูโรโซนยูโรดอลลาร์สหรัฐเครือจักรภพรัฐเอกราชไอซ์แลนด์นอร์เวย์ลิกเตนสไตน์สวิตเซอร์แลนด์สนธิสัญญามาสทริชต์กลไกอัตราแลกเปลี่ยนยุโรปธนาคารกลางยุโรปธนาคารกลางเสถียรภาพราคาระบบธนาคารกลางยุโรปประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป
(function()var node=document.getElementById("mw-dismissablenotice-anonplace");if(node)node.outerHTML="u003Cdiv class="mw-dismissable-notice"u003Eu003Cdiv class="mw-dismissable-notice-close"u003E[u003Ca tabindex="0" role="button"u003Eปิดu003C/au003E]u003C/divu003Eu003Cdiv class="mw-dismissable-notice-body"u003Eu003Cdiv id="localNotice" lang="th" dir="ltr"u003Eu003Cp class="mw-empty-elt"u003Eu003C/pu003Eu003C/divu003Eu003C/divu003Eu003C/divu003E";());
สหภาพยุโรป
ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
สหภาพยุโรป
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คำขวัญ: In varietate concordia (ละติน) "United in diversity" | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เพลงสดุดี: ปีติศังสกานท์ (ทำนอง) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เมืองหลวง | บรัสเซลส์ (โดยพฤตินัย) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เมืองใหญ่สุด | ลอนดอน, ปารีส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ภาษาราชการ | 24 ภาษา
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เดมะนิม | ยุโรป | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัฐสมาชิก | 28 รัฐ
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
การปกครอง | สหภาพเศรษฐกิจและการเมือง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป | ฌ็อง-โคลท ยุงเคอร์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ประธานที่ประชุมยุโรป | ดอนัลต์ ตุสก์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ประธานรัฐสภายุโรป | อันโทนิโอ ทาญานี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นิติบัญญัติ |
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
การก่อตั้ง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | สนธิสัญญาโรม | 25 มีนาคม 2500 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | สนธิสัญญามาสทริชต์ | 7 กุมภาพันธ์ 2535 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | สนธิสัญญาลิสบอน | 1 ธันวาคม 2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | รับประเทศล่าสุดเป็นสมาชิก | 1 กรกฎาคม 2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พื้นที่ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | รวม | 4,381,376 ตร.กม. (7) 1,691,658 ตร.ไมล์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | แหล่งน้ำ (%) | 3.08 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประชากร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | 2559 (ประเมิน) | 510,056,011[1] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ความหนาแน่น | 116.4 คน/ตร.กม. 301.5 คน/ตร.ไมล์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ปี 2560 (ประมาณ) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | รวม | $20.75 ล้านล้าน[2] (2) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ต่อหัว | $40,600 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
จีดีพี (ราคาตลาด) | ปี 2560 (ประมาณ) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | รวม | $16.97 ล้านล้าน[2] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ต่อหัว | $33,300[3] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
จีนี (2557) | 30.9[4] | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
HDI (2557) | 0.865 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สกุลเงิน |
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เขตเวลา | (UTC+0 ถึง +2) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• | ฤดูร้อน (DST) | (UTC+1 ถึง +3) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โดเมนบนสุด | .eu | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เว็บไซต์ทางการ europa.eu | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รหัสโทรศัพท์ | +3 และ +4 |
สหภาพยุโรป (อังกฤษ: European Union: EU) เป็นสหภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง ประกอบด้วยรัฐสมาชิก 28 ประเทศซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป มีพื้นที่ 4,324,782 ตารางกิโลเมตร มีประชากรที่ประเมินกว่า 510 ล้านคน สหภาพยุโรปพัฒนาตลาดเดี่ยวภายในผ่านระบบกฎหมายทำให้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้บังคับในรัฐสมาชิกทุกประเทศ นโยบายสหภาพยุโรปมุ่งประกันการเคลื่อนย้ายบุคคล สินค้า บริการและทุนอย่างเสรีในตลาดเดี่ยว ตรากฎหมายด้านยุติธรรมและกิจการในประเทศและธำรงนโยบายร่วมกันด้านการค้า[5]เกษตรกรรม[6] การประมงและการพัฒนาภูมิภาค[7] การควบคุมหนังสือเดินทางถูกเลิกภายในพื้นที่เชงเกน มีการตั้งสหภาพการเงินในปี 2542 และมีผลบังคับเต็มที่ในปี 2545 ประกอบด้วยรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป 19 ประเทศซึ่งใช้สกุลเงินยูโร
สหภาพยุโรปดำเนินการผ่านระบบผสมระหว่างสหภาพเหนือชาติและความร่วมมือระหว่างรัฐบาล[8][9][10] องค์กรตัดสินใจหลักเจ็ดองค์กร เรียก สถาบันของสหภาพยุโรป ได้แก่ ที่ประชุมยุโรป คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป รัฐสภายุโรป คณะกรรมาธิการยุโรป ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป ธนาคารกลางยุโรปและศาลผู้สอบบัญชียุโรป
สหภาพยุโรปกำเนิดขึ้นจากประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป (ECSC) และประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2494 และ 2501 ตามลำดับโดยประเทศอินเนอร์ซิกส์ ประชาคมและองค์การสืบเนื่องมีขนาดเติบโตขึ้นโดยการเข้าร่วมของสมาชิกใหม่และมีอำนาจมากขึ้นโดยการเพิ่มขอบเขตนโยบายในการจัดการ สนธิสัญญามาสทริชท์สถาปนาสหภาพยุโรปในปี 2536 และนำเสนอความเป็นพลเมืองยุโรป[11] การแก้ไขหลักพื้นฐานรัฐธรรมนูญล่าสุดของสหภาพยุโรปล่าสุด สนธิสัญญาลิสบอน มีผลใช้บังคับในปี 2552
สหภาพยุโรปมีประชากรคิดเป็น 7.3% ของประชากรโลก[12] ในปี 2559 สหภาพยุโรปผลิตผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน 16.477 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 22.2% ของจีดีพีราคาตลาดโลก และ 16.9% เมื่อวัดในแง่ความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ[13] นอกจากนี้ ประเทศสหภาพยุโรป 26 จาก 28 ประเทศมีดัชนีการพัฒนามนุษย์สูงมาก ตามข้อมูลของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ในปี 2555 สหภาพยุโรป ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ[14] สหภาพยุโรปพัฒนาบทบาทด้านความสัมพันธ์ภายนอกและการกลาโหมผ่านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงร่วม สหภาพฯ คงคณะผู้แทนทางทูตถาวรทั่วโลกและมีผู้แทนในสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก จี7 และจี-20 เนื่องจากมีอิทธิพลทั่วโลก จึงมีการอธิบายสหภาพยุโรปเป็นอภิมหาอำนาจปัจจุบันหรืออภิมหาอำนาจในอนาคต
.mw-parser-output .toclimit-2 .toclevel-1 ul,.mw-parser-output .toclimit-3 .toclevel-2 ul,.mw-parser-output .toclimit-4 .toclevel-3 ul,.mw-parser-output .toclimit-5 .toclevel-4 ul,.mw-parser-output .toclimit-6 .toclevel-5 ul,.mw-parser-output .toclimit-7 .toclevel-6 uldisplay:none
เนื้อหา
1 ภูมิศาสตร์
1.1 รัฐสมาชิก
2 การเมือง
2.1 โครงสร้างรัฐธรรมนูญ
2.2 การปกครอง
2.2.1 ที่ประชุมยุโรป
2.2.2 คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป
2.2.3 รัฐสภา
2.2.4 คณะกรรมาธิการ
2.3 งบประมาณ
2.4 อำนาจหน้าที่
3 เศรษฐกิจ
3.1 ตลาดภายใน
3.2 สหภาพการเงิน
3.3 พลังงาน
4 เชิงอรรถ
5 อ้างอิง
6 แหล่งข้อมูลอื่น
ภูมิศาสตร์
รัฐสมาชิกของสหภาพยุโรปครอบคลุมพื้นที่ 4,423,147 ตารางกิโลเมตร ยอดเขาสูงสุดในสหภาพยุโรป คือ ยอดเขามงบล็องในเทือกเขาเกรเอียนแอลป์ (Graian Alps) มีความสูง 4,810.45 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จุดต่ำสุดในสหภาพยุโรปคือ แลมเมอฟยอร์เดน (Lammefjorden) ประเทศเดนมาร์ก และซาวด์เพลสปอลเดอร์ (Zuidplaspolder) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ความสูง 7 เมตรต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ภูมิภาพ ภูมิอากาศและเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปได้รับอิทธิพลจากแนวชายฝั่ง ซึ่งมีความยาว 65,993 กิโลเมตร
เมื่อรวมดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสซึ่งตั้งอยู่นอกทวีปยุโรปแต่ยังเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแล้ว สหภาพยุโรปจะมีภูมิอากาศเกือบทุกชนิดตั้งแต่อาร์กติก (ยุโรปเหนือ-ตะวันออก) ถึงเขตร้อน (เฟรนช์เกียนา) ทำให้ค่าเฉลี่ยทางอุตุนิยมวิทยาของสหภาพยุโรปสิ้นความหมายโดยสิ้นเชิง ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทร (ยุโรปเหนือ-ตะวันตกและกลาง) ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (ยุโรปใต้) หรือภูมิอากาศอบอุ่นฤดูร้อนภาคพื้นทวีปหรือกึ่งเขตหนาว (บอลข่านเหนือและยุโรปกลาง)
ประชากรของสหภาพยุโรปมีความเป็นเมืองสูง โดยผู้อยู่อาศัยประมาณ 75% อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองในปี 2549 นครส่วนใหญ่กระจายทั่วสหภาพยุโรป แม้มีจำนวนมากกระจุกอยู่ในและรอบ ๆ เบเนลักซ์
รัฐสมาชิก
สหภาพยุโรปเติบโตขึ้นจากรัฐผู้ก่อตั้งหกรัฐ ได้แก่ ประเทศเบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนีตะวันตก อิตาลี ลักเซมเบิร์กและเนเธอร์แลนด์ ผ่านการขยายในเวลาต่อมาเป็น 28 ประเทศในปัจจุบัน ประเทศเข้าร่วมสหภาพโดยกลายเป็นภาคีของสนธิสัญญาก่อตั้ง ฉะนั้นจึงอยู่ภายใต้เอกสิทธิ์และพันธกรณีของสมาชิกสภาพสหภาพยุโรป ดังนี้เป็นการมอบอำนาจอธิปไตยบางส่วนแก่สถาบันโดยแลกเปลี่ยนกับการมีผู้แทนในสถาบันเหล่านั้น มักเรียกการปฏิบัติดังนี้ว่า "การรวมอำนาจอธิปไตย" (pooling of sovereignty)
ในการเข้าเป็นสมาชิก ประเทศนั้นต้องเข้าเกณฑ์โคเปนเฮเกนซึ่งนิยามไว้ ณ ที่ประชุมยุโรปในกรุงโคเปนเฮเกนเมื่อปี 2536 เกณฑ์ดังกล่าวกำหนดให้มีประชาธิปไตยเสถียรซึ่งเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม เศรษฐกิจแบบตลาดที่ทำหน้าที่ และการยอมรับพันธกรณีของสมาชิกภาพรวมทั้งกฎหมายสหภาพยุโรป การประเมินการบรรลุเกณฑ์ดังกล่าวของประเทศเป็นความรับผิดชอบของที่ประชุมยุโรป ยังไม่มีรัฐสมาชิกใดเคยออกจากสหภาพ แม้กรีนแลนด์ (จังหวัดปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก) ถอนตัวในปี 2528 ปัจจุบันสนธิสัญญาลิสบอนมีวรรคในข้อที่ 50 กำหนดสำหรับสมาชิกในการออกจากสหภาพยุโรป
ปัจจุบันมีหกประเทศซึ่งได้รับการรับรองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นสมาชิก ได้แก่ ประเทศแอลเบเนีย ไอซ์แลนด์ มาซิโดเนีย มอนเตเนโกร เซอร์เบียและตุรกี แม้ไอซ์แลนด์ระงับการเจรจาไปในปี 2556 ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาและคอซอวอได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้ที่อาจมีคุณสมบัติ โดยบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนากำลังยื่นคำขอเป็นสมาชิก
สี่ประเทศผู้ก่อตั้งสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) มิใช่สมาชิกสหภาพยุโรป แต่ได้ผูกมัดบางส่วนต่อเศรษฐกิจและข้อบังคับของสหภาพยุโรป ได้แก่ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์และนอร์เวย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดเดี่ยวผ่านพื้นที่เศรษฐกิจยุโรป และสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีความสัมพันธ์คล้ายกันผ่านสนธิสัญญาทวิภาคี ความสัมพันธ์ของจุลรัฐ อันดอร์รา โมนาโก ซานมารีโนและนครรัฐวาติกันมีการใช้เงินสกุลยูโรและขอบเขตความร่วมมืออื่น รัฐเอกราช 28 รัฐต่อไปนี้ประกอบเป็นสหภาพยุโรป คือ
ชื่อ | เมืองหลวง | วันที่เข้าร่วม | ประชากร[1] | พื้นที่ (กม.2) |
---|---|---|---|---|
ออสเตรีย | เวียนนา | 199501011 มกราคม 2538 | 70068700471000000008,700,471 | 700483855000000000083,855 |
เบลเยียม | บรัสเซลส์ | 19570325ผู้ก่อตั้ง | 700711289853000000011,289,853 | 700430528000000000030,528 |
บัลแกเรีย | โซเฟีย | 200701011 มกราคม 2550 | 70067153784000000007,153,784 | 7005110994000000000110,994 |
โครเอเชีย | ซาเกร็บ | 201307011 กรกฎาคม 2556 | 70064190669000000004,190,669 | 700456594000000000056,594 |
ไซปรัส | นิโคเซีย | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 7005848319000000000848,319 | 70039251000000000009,251 |
สาธารณรัฐเช็ก | ปราก | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 700710553843000000010,553,843 | 700478866000000000078,866 |
เดนมาร์ก | โคเปนเฮเกน | 197301011 มกราคม 2516 | 70065707251000000005,707,251 | 700443075000000000043,075 |
เอสโตเนีย | ทาลลินน์ | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 70061315944000000001,315,944 | 700445227000000000045,227 |
ฟินแลนด์ | เฮลซิงกิ | 199501011 มกราคม 2538 | 70065487308000000005,487,308 | 7005338424000000000338,424 |
ฝรั่งเศส | ปารีส | 19570325ผู้ก่อตั้ง | 700766661621000000066,661,621 | 7005640679000000000640,679 |
เยอรมนี | เบอร์ลิน | 19570325ผู้ก่อตั้ง[a] | 700782162000000000082,162,000 | 7005357021000000000357,021 |
กรีซ | เอเธนส์ | 198101011 มกราคม 2524 | 700710793526000000010,793,526 | 7005131990000000000131,990 |
ฮังการี | บูดาเปสต์ | 200401011 พฤษภาคม 2547 | 70069830485000000009,830,485 | 700493030000000000093,030 |
ไอร์แลนด์ | ดับลิน | 197301011 มกราคม 2516 | 70064658530000000004,658,530 | 700470273000000000070,273 |
อิตาลี | โรม | 19570325ผู้ก่อตั้ง | 700760665551000000060,665,551 | 7005301338000000000301,338 |
ลัตเวีย | ริกา | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 70061968957000000001,968,957 | 700464589000000000064,589 |
ลิทัวเนีย | วิลนีอัส | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 70062888558000000002,888,558 | 700465200000000000065,200 |
ลักเซมเบิร์ก | นครลักเซมเบิร์ก | 19570325ผู้ก่อตั้ง | 7005576249000000000576,249 | 70032586000000000002,586 |
มอลตา | วัลเลตตา | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 7005434403000000000434,403 | 7002316000000000000316 |
เนเธอร์แลนด์ | อัมสเตอร์ดัม | 19570325ผู้ก่อตั้ง | 700716979120000000016,979,120 | 700441543000000000041,543 |
โปแลนด์ | วอร์ซอ | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 700737967209000000037,967,209 | 7005312685000000000312,685 |
โปรตุเกส | ลิสบอน | 198601011 มกราคม 2529 | 700710341330000000010,341,330 | 700492390000000000092,390 |
โรมาเนีย | บูคาเรสต์ | 200701011 มกราคม 2550 | 700719759968000000019,759,968 | 7005238391000000000238,391 |
สโลวาเกีย | บราติสลาวา | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 70065426252000000005,426,252 | 700449035000000000049,035 |
สโลวีเนีย | ลูบลิยานา | 200405011 พฤษภาคม 2547 | 70062064188000000002,064,188 | 700420273000000000020,273 |
สเปน | มาดริด | 198601011 มกราคม 2529 | 700746438422000000046,438,422 | 7005504030000000000504,030 |
สวีเดน | สต็อกโฮล์ม | 199501011 มกราคม 2538 | 70069851017000000009,851,017 | 7005449964000000000449,964 |
สหราชอาณาจักร | ลอนดอน | 197301011 มกราคม 2516 | 700765341183000000065,341,183 | 7005243610000000000243,610 |
รวม: | 28 ประเทศ | 510,056,011 | 4,475,757 |
การเมือง
สหภาพยุโรปดำเนินการตามหลักการให้ (conferral) ซึ่งกล่าวว่า ควรกระทำเฉพาะภายในข้อจำกัดอำนาจหน้าที่ที่มอบหมายให้ตามสนธิสัญญา และการเสริมอำนาจปกครอง (subsidiarity) ซึ่งกล่าวว่า ควรกระทำเฉพาะเมื่อรัฐสมาชิกกระทำเพียงลำพังแล้วไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เพียงพอ กฎหมายที่สถาบันของสหภาพยุโรปออกสามารถผ่านได้หลายแบบ กล่าวโดยทั่วไป กฎหมายสามารถจำแนกได้เป็นสองกลุ่ม คือ กฎหมายที่มีผลใช้บังคับโดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรการนำไปปฏิบัติระดับชาติ (ข้อบังคับ) และกฎหมายที่เจาะจงต้องการมาตรการนำไปปฏิบัติระดับชาติ (คำสั่ง)
โครงสร้างรัฐธรรมนูญ
การจำแนกประเภทสหภาพยุโรปในแง่กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญมีการถกเถียงอย่างมาก สหภาพฯ เริ่มต้นเป็นองค์การระหว่างประเทศและค่อย ๆ พัฒนาเป็นสมาพันธรัฐ ทว่า ตั้งแต่กลางคริสต์ทศวรรษ 1960 สหภาพฯ ได้เพิ่มลักษณะสำคัญหลายประการของสหพันธรัฐ ดังเช่นผลโดยตรงของกฎหมายรัฐบาลระดับรวม (general level of government) ต่อปัจเจกบุคคล และการออกเสียงลงคะแนนฝ่ายข้างมากในกระบกวนการตัดสินใจของรัฐบาลระดับรวม โดยไม่กลายเป็นสหพันธรัฐโดยสภาพ ฉะนั้นปัจจุบันนักวิชาการจึงมองสหภาพฯ ว่าเป็นแบบกึ่งกลางระหว่างสมาพันธรัฐและสหพันธรัฐ โดยเป็นตัวอย่างที่มิใช่โครงสร้างการเมืองทั้งสองแบบ ด้วยเหตุนี้ องค์การดังกล่าวจึงมีคำเรียกว่า มีลักษณะเฉพาะตัว (sui generis) แม้บางคนอาจแย้งว่าการเรียกแบบนี้ใช้ไม่ได้แล้ว
องค์การดังกล่าวเดิมใช้คำว่า "ประชาคม" และต่อมา "สหภาพ" อธิบายตนเอง ความยุ่งยากของการจำแนกประเภทเกี่ยวข้องกับความแตกต่างระหว่างกฎหมายระดับชาติ (ซึ่งคนในบังคับของกฎหมายได้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) และกฎหมายระหว่างประเทศ (ซึ่งคนในบังคับได้แก่รัฐเอกราชและองค์การระหว่างประเทศ) นอกจากนี้ ยังสามารถมองในแง่ของข้อแตกต่างระหว่างประเพณีนิยมรัฐธรรมนูญของยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของประเพณีนิยมยุโรป คำว่า สหพันธรัฐ เทียบเท่ากับรัฐสหพันธ์เอกราชในกฎหมายระหว่างประเทศ ฉะนั้นจึงไม่อาจเรียกสหภาพยุโรปว่าสหพันธรัฐได้โดยปราศจากคุณสมบัติ ทว่า มีการอธิบายโดยยึดแบบจำลองสหพันธ์หรือสหพันธ์โดยสภาพ ฉะนั้นจึงอาจเหมาะสมที่จะพิจารณาสหภาพฯ ว่าเป็นสหภาพรัฐสหพันธ์ (federal union of states) อันเป็นโครงสร้างเชิงความคิดระหว่างสมาพันธรัฐและสหพันธรัฐ ศาลรัฐธรรมนูญแห่งเยอรมนีเรียกสหภาพยุโรปว่า ชตาเทนเวอร์บุนด์ เป็นโครงสร้างกึ่งกลางระหว่างชตาเทนบุนด์ (สมาพันธรัฐ) และบุนเดสส์ทาท (สหพันธรัฐ) ซึ่งเข้ากับมโนทัศน์นี้ สหภาพรัฐสหพันธ์อาจเป็นแบบการเมืองที่อยู่ยืนยาว ศาสตราจารย์แอนดรูว์ โมราฟซิกอ้างว่าสหภาพยุโรปไม่น่าจะพัฒนาต่อไปเป็นสหพันธรัฐ แต่อาจถึงเติบโตเต็มที่เป็นระบบรัฐธรรมนูญแล้ว
การปกครอง
สหภาพยุโรปมีเจ็ดสถาบัน ได้แก่ ที่ประชุมยุโรป คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป รัฐสภายุโรป คณะกรรมาธิการยุโรป ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปและศาลผู้สอบบัญชียุโรป อำนาจหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแบ่งกันระหว่างคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรป ส่วนคณะกรรมาธิการยุโรปและที่ประชุมยุโรปในขอบเขตจำกัดเป็นผู้ดำเนินภาระงานฝ่ายบริหาร ธนาคารกลางยุโรปเป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินของยูโรโซน ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปเป็นผู้ตีความและการใช้บังคับกฎหมายสหภาพยุโรปและประกันสนธิสัญญา ศาลผู้สอบบัญชีเป็นผู้ตรวจสอบงบประมาณของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังมีองค์กรสนับสนุนซึ่งให้คำแนะนำสหภาพยุโรปหรือดำเนินการในด้านหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะ
สถาบันของสหภาพยุโรป[15]
คณะมนตรียุโรป - กำหนดแรงผลักดันและทิศทาง - | คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป - สภานิติบัญญัติ - | รัฐสภายุโรป - สภานิติบัญญัติ - | คณะกรรมาธิการยุโรป - ฝ่ายบริหาร - | |||||
|
|
|
| |||||
ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป - ฝ่ายตุลาการ - | ธนาคารกลางยุโรป - ธนาคารกลาง - | ศาลผู้สอบบัญชียุโรป - ผู้สอบบัญชีการเงิน - | ||||
|
|
|
ที่ประชุมยุโรป
ที่ประชุมยุโรป (European Council) ให้ทิศทางการเมืองแก่สหภาพยุโรป มีการประชุมอย่างน้อยปีละสี่ครั้งและประกอบด้วยประธานที่ประชุมยุโรป (คนปัจจุบันคือ ดอนัลต์ ตุสก์) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและผู้แทนหนึ่งคนจากรัฐสมาชิกแต่ละรัฐ (อาจเป็นประมุขแห่งรัฐหรือหัวหน้ารัฐบาล) ผู้แทนระดับสูงของสหภาพด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง (คนปัจจุบันคือ เฟเดริกา โมเกรินี) ก็เข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน มีผู้อธิบายว่าเป็น "ผู้มีอำนาจการเมืองสูงสุด" ของสหภาพยุโรป ที่ประชุมยุโรปเกี่ยวข้องโดยตรงในการเจรจาการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาและการนิยามวาระและยุทธศาสตร์นโยบายของสหภาพยุโรป
ที่ประชุมยุโรปใช้บทบาทผู้นำของตนสะสางข้อพิพาทระหว่างรัฐสมาชิกและสถาบัน และระงับวิกฤตการเมืองและความไม่ลงรอยระหว่างปัญหาและนโยบายที่มีข้อโต้เถียง คณะมนตรีฯ แสดงออกภายนอกเป็น "ประมุขแห่งรัฐร่วมกัน" และให้สัตยาบันเอกสารสำคัญ (ตัวอย่างเช่น ความตกลงระหว่างประเทศและสนธิสัญญา)
ภาระหน้าที่ของประธานที่ประชุมยุโรป คือ การประกันการเป็นผู้แทนภายนอกของสหภาพยุโรป การขับเคลื่อนการเห็นพ้องต้องกันและระงับความแตกต่างในหมู่รัฐสมาชิก ทั้งระหว่างการประชุมของที่ประชุมยุโรปและสมัยระหว่างการประชุม
ระวังสับสนระหว่างที่ประชุมยุโรปกับสภายุโรป (Council of Europe) ซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศที่เป็นอิสระต่อสหภาพยุโรป ตั้งอยู่ในสทราซบูร์
คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป
คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (หรือเรียก "คณะมนตรี" และ "สภารัฐมนตรี" ซึ่งเป็นชื่อเก่า) เป็นครึ่งหนึ่งของสภานิติบัญญัติของสหภาพยุโรป ประกอบด้วยรัฐมนตรีจากรัฐสมาชิกแต่ละรัฐและประชุมกันในหลายองค์ประกอบขึ้นอยู่กับขอบเขตนโยบายที่กำลังจัดการอยู่ แม้ว่าจะมีองค์ประกอบต่างกัน แต่ยังถือเป็นองค์กรหนึ่งเดียว นอกเหนือจากการทำหน้าที่สภานิติบัญญัติแล้ว คณะมนตรีฯ ยังใช้การทำหน้าที่บริหารในด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงร่วม
รัฐสภา
รัฐสภายุโรปเป็นอีกครึ่งหนึ่งของสภานิติบัญญัติยุโรป สมาชิก 751 คนของรัฐสภายุโรปมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพลเมืองสหภาพยุโรปทุกห้าปีโดยยึดหลักการมีผู้แทนตามสัดส่วน แม้สมาชิกรัฐสภายุโรปมาจากการเลือกตั้งระดับชาติ แต่นั่งประชุมตามกลุ่มการเมืองมากกว่าสัญชาติ แต่ละประเทศมีจำนวนที่นั่งจำนวนหนึ่งและแบ่งเป็นเขตเลือกตั้งต่ำกว่าชาติโดยที่ไม่กระทบต่อสภาพสัดส่วนของระบบการออกเสียงลงคะแนน
รัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปผ่านกฎหมายร่วมกันในแทบทุกด้านภายใต้กระบวนวิธีสภานิติบัญญัติทั่วไป ซึ่งยังใช้กับงบประมาณสหภาพยุโรปด้วย คณะกรรมาธิการยุโรปต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา โดยต้องอาศัยการอนุมัติจากรัฐสภาจึงจะดำรงตำแหน่งได้ ต้องรายงานต่อรัฐสภาและอยู่ภายใต้ญัตติไม่ไว้วางใจจากรัฐสภา ประธานรัฐสภายุโรป (คนปัจจุบันคือ อันโทนิโอ ทาญานี) ดำเนินบทบาทประธานรัฐสภาและเป็นผู้แทนภายนอก ประธานและรองประธานมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกรัฐสภาทุกสองปีครึ่ง
คณะกรรมาธิการ
คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปและรับผิดชอบต่อการริเริ่มกฎหมายและการดำเนินงานวันต่อวันของสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการฯ ยังถูกมองว่าเป็นผู้สั่งการบูรณาการยุโรป คณะกรรมาธิการฯ ดำเนินการราวกับเป็นการปกครองระบบรัฐสภา โดยมีกรรมาธิการ 28 คนสำหรับขอบเขตนโยบายต่าง ๆ มาจากรัฐสมาชิกรัฐละหนึ่งคน แต่กรรมาธิการถูกผูกมัดให้ดูแลผลประโยชน์ของสหภาพยุโรปโดยรวมมากกว่าของรัฐบ้านเกิดของตน
กรรมาธิการคนหนึ่งจาก 28 คนเป็นประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (คนปัจจุบันคือ ฌอง-โคลด ยุงเคอร์) มาจากการแต่งตั้งของที่ประชุมยุโรป รองจากประธาน กรรมาธิการคนที่โดดเด่นที่สุดคือ ผู้แทนระดับสูงของสหภาพด้านกิจการต่างประเทศและความมั่นคง ซึ่งโดยตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมาธิการฯ และมาจากการเลือกโดยที่ประชุมยุโรปเช่นกัน แล้วกรรมาธิการอีก 26 คนที่เหลือมาจากการแต่งตั้งของคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปโดยตกลงกับประธานฯ ที่ได้รับเสนอชื่อ กรรมาธิการ 28 คนรวมเป็นองค์กรเดียวอยู่ภายใต้การออกเสียงอนุมัติโดยรัฐสภายุโรป
งบประมาณ
สหภาพยุโรปตกลงงบประมาณ 120,700 ล้านยูโรสำหรับปี 2550 และ 864,300 ล้านยูโรสำหรับช่วงปี 2550–2556 คิดเป็น 1.10% และ 1.05% สำหรับการพยากรณ์รายได้มวลรวมประชาชาติของอียู-27 สำหรับสองช่วงตามลำดับ ในปี 2503 งบประมาณของประชาคมเศรษฐกิจยุโรปขณะนั้นคิดเป็น 0.03% ของจีดีพี
ในปี 2553 งบประมาณ 141,500 ล้านยูโร รายการรายจ่ายเดี่ยวใหญ่สุด คือ "ความเชื่อมแน่นและความสามารถแข่งขัน" โดยคิดเป็นประมาณ 45% ของงบประมาณทั้งหมด รองลงมาเป็น "เกษตรกรรม" โดยคิดเป็นประมาณ 31% ของทั้งหมด "การพัฒนาชนบท สิ่งแวดล้อมและการประมง" คิดเป็นประมาณ 11% "การปกครอง" คิดเป็นประมาณ 6% "สหภาพยุโรปที่เป็นหุ้นส่วนโลก" และ "ความเป็นพลเมือง เสรีภาพ ความมั่นคงและความยุติธรรม" คิดเป็นประมาณ 6% และ 1% ตามลำดับ
ศาลผู้สอบบัญชีมีข้อผูกพันตามกฎหมายจัดหา "คำแถลงการประกันในเรื่องความน่าเชื่อถือของบัญชีและความถูกต้องตามกฎหมายและความถูกต้องตามระเบียบของธุรกรรมพื้นเดิม" แก่รัฐสภาและคณะมนตรีฯ ศาลฯ ยังให้ความเห็นและข้อเสนอกฎหมายการเงินและการกระทำต่อต้านการฉ้อฉล รัฐสภาใช้ข้อมูลดังกล่าวตัดสินใจว่าจะอนุมัติการจัดการงบประมาณของคณะกรรมาธิการฯ หรือไม่
ศาลผู้สอบบัญชียุโรปลงนามบัญชีสหภาพยุโรปทุกปีตั้งแต่ปี 2550 และได้แสดงให้เห็นว่าข้อผิดพลาดส่วนมากเกิดขึ้นในระดับชาติ ในรายงานปี 2552 ผู้สอบบัญชีพบว่ารายจ่ายของสหภาพฯ ห้าด้าน เกษตรกรรมและกองทุนความเชื่อมแน่น ได้รับผลกระทบอย่างสำคัญจากข้อผิดพลาด คณะกรรมาธิการยุโรปประเมินในปี 2552 ว่าผลการเงินของความไม่ถูกต้องคิดเป็น 1,863 ล้านยูโร
อำนาจหน้าที่
รัฐสมาชิกสหภาพยุโรปคงอำนาจทั้งหมดที่มิได้ถูกมอบอย่างชัดเจนให้สหภาพยุโรป ในบางขอบเขต สหภาพยุโรปมีอำนาจหน้าที่สิทธิ์ขาดเฉพาะ เหล่านี้เป็นพื้นที่ซึ่งรัฐสมาชิกสละความสามารถใด ๆ ในการตรากฎหมาย ในขอบเขตอื่น สหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกมีอำนาจหน้าที่ร่วมกันออกกฎหมาย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายสามารถออกกฎหมายได้ แต่รัฐสมาชิกสามารถออกกฎหมายเฉพาะจนถึงขอบเขตที่สหภาพยุโรปไม่มีขอบเขตเท่านั้น ในขอบเขตนโยบายอื่น สหภาพยุโรปสามารถประสานงาน สนับสนุนและส่งเสริมการกระทำของรับสมาชิกเท่านั้น แต่ไม่สามารถตรากฎหมายโดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงกฎหมายระดับชาติให้สอดคล้องกันได้
ข้อเท็จจริงว่าขอบเขตนโยบายหนึ่ง ๆ จัดอยู่ในหมวดอำนาจหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งนั้นมิได้บ่งชี้เสมอไปว่ามีการใช้วิธีดำเนินการนิติบัญญัติใดในการตรากฎหมายในขอบเขตนโยบายนั้น มีการใช้วิธีดำเนินการนิติบัญญัติต่าง ๆ ในหมวดอำนาจหน้าที่เดียวกัน และแม้แต่ในขอบเขตนโยบายเดียวกัน
การแบ่งอำนาจหน้าที่ในขอบเขตนโยบายต่าง ๆ ระหว่างรัฐสมาชิกและสหภาพฯ แบ่งออกเป็นสามหมวดดังนี้
ดังที่ปรากฏในมาตรา 1 ของส่วนที่ 1 แห่งสนธิสัญญารวมว่าด้วยการทำหน้าที่ของสหภาพยุโรป | |||||||||||||
|
|
| |||||||||||
|
|
|
|
เศรษฐกิจ
สหภาพยุโรปสถาปนาตลาดเดียวทั่วดินแดนของสมาชิกทั้งหมดซึ่งมีพลเมือง 508 ล้านคน ในปี 2557 สหภาพยุโรปมีจีดีพีรวมกัน 18.640 ล้านล้านดอลลาร์ระหว่างประเทศ (international dollar) คิดเป็นสัดส่วน 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลกเรียงตามความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ (PPP) สหภาพยุโรปที่เป็นองค์การการเมืองมีผู้แทนในองค์การการค้าโลก รัฐสมาชิกสหภาพยุโรปมีความมั่งคั่งสุทธิประเมินมากที่สุดในโลก คิดเป็น 30% ของความมั่งคั่งทั่วโลก 223 ล้านล้านดอลลาร์ระหว่างประเทศ
รัฐสมาชิก 19 รัฐเข้าร่วมสหภาพการเงิน เรียก ยูโรโซน ซึ่งใช้เงินตราเดี่ยวคือ ยูโร สหภาพการเงินมีพลเมืองสหภาพยุโรป 338 ล้านคน ยูโรเป็นเงินตราสำรองใหญ่สุดอันดับสองตลอดจนเงินตราที่มีการซื้อขายมากที่สุดอันดับสองของโลกรองจากดอลลาร์สหรัฐ
ในบรรดา 500 บรรษัทใหญ่สุดในโลกวัดตามรายได้ในปี 2553 จำนวนนี้มี 161 บรรษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหภาพยุโรป ในปี 2559 อัตราการว่างงานในสหภาพยุโรปอยู่ที่ 8.9% ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 2.2% และดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ −0.9% ของจีดีพี ค่าจ้างสุทธิต่อปีเฉลี่ยในสหภาพยุโรปอยู่ที่ประมาณ $20,000 ในปี 2558 ซึ่งคิดเป็นประมาณกึ่งหนึ่งของค่าจ้างสุทธิต่อปีเฉลี่ยในสหรัฐอเมริกา
มีความผันแปรของจีดีพี (พีพีพี) ต่อหัวอย่างสำคัญภายในรัฐสหภาพยุโรปหนึ่ง ๆ ความแตกต่างระหว่างภูมิภาคที่รวยและจนที่สุด (ภูมิภาค NUTS-2 ตามการตั้งชื่อหน่วยดินแดนเพื่อสถิติจำนวน 276 ภูมิภาค) ในปี 2557 มีพิสัยระหว่าง 30% ของค่าเฉลี่ยสมาชิกสหภาพยุโรป 28 รัฐถึง 539% หรือตั้งแต่ 8,200 ถึง 148,000 ยูโร (ประมาณ 9,000 ถึง 162,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
กองทุนโครงสร้างและกองทุนความเชื่อมแน่นกำลังสนับสนุนการพัฒนาภูมิภาคด้อยพัฒนาของสหภาพยุโรป ดินแดนดังกล่าวส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐยุโรปกลางและใต้ หลายกองทุนจัดหาการช่วยเหลือฉุกเฉิน การสนับสนุนสมาชิกผู้สมัครเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศของตนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป (Phare, ISPA, และ SAPARD) และสนับสนุนเครือจักรภพรัฐเอกราช (TACIS) TACIS ปัจจบุนัเป็นส่วนหนึ่งของโครงการยุโรปเอดทั่วโลก โครงการกรอบการวิจัยและเทคโนโลยีสหภาพยุโรปสนับสนุนการวิจัยที่ดำเนินการโดยกลุ่มจากสมาชิกสหภาพยุโรปทุกประเทศเพื่อมุ่งสู่พื้นที่การวิจัยยุโรปเดียว
ตลาดภายใน
วัตถุประสงค์แกนกลางดั้งเดิมสองประการของประชาคมเศรษฐกิจยุโรปคือการพัฒนาตลาดร่วม ซึ่งต่อมากลายเป็นตลาดเดียว และสหภาพศุลกากรระหว่างรัฐสมาชิก ตลาดเดียวเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีซึ่งสินค้า ทุน บุคคลและบริการภายในสหภาพยุโรป และสหภาพศุลกากรซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้บังคับอากรศุลกากรภายนอกร่วมต่อสินค้าทุกชนิดที่เข้าสู่ตลาดดังกล่าว เมื่อสินค้าถูกรับเข้าตลาดแล้วจะไม่มีการเก็บอากรศุลกากร ภาษีเลือกปฏิบัติหรือโควตานำเข้าอีกเมื่อมีการเคลื่อนย้ายภายใน รัฐสมาชิกที่มิใช่สหภาพยุโรป ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์และสวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมในตลาดเดียวแต่ไม่เข้าร่วมสหภาพศุลกากร การค้ากึ่งหนึ่งในสหภาพยุโรปอยู่ภายใต้กฎหมายซึ่งสหภาพยุโรปปรับปรุงให้สอดคล้องกัน
การเคลื่อนย้ายทุนอย่างเสรีตั้งใจให้อนุญาตการเคลื่อนย้ายการลงทุน เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์และการซื้อหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ ก่อนหน้ามีแรงขับสู่สหภาพเศรษฐกิจและการเงิน การพัฒนาข้อกำหนดทุนเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลังสนธิสัญญามาสทริชต์ มีหนังสือประชุมคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปซึ่งกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านเสรีภาพซึ่งถูกละเลยในทีแรกนี้ การเคลื่อนย้ายทุนอย่างเสรีเป็นเอกลักษณ์ถึงขนาดที่มีการให้แก่รัฐที่มิใช่สมาชิกโดยเสมอกัน
การเคลื่อนย้ายบุคคลอย่างเสรีหมายความว่าพลเมืองสหภาพยุโรปสามารถเคลื่อนย้ายอย่างเสรีระหว่างรัฐสมาชิกเพื่ออยู่อาศัย ทำงาน ศึกษาหรือเกษียณในประเทศอื่น การเคลื่อนย้ายดังกล่าวต้องการพิธีรีตรองทางการปกครองและการรับรองคุณสมบัติวิชาชีพจากรัฐอื่นลดลง
การเคลื่อนย้ายบริการและสถานที่ประกอบการอย่างเสรีทำให้บุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระเคลื่อนย้ายระหว่างรัฐสมาชิกเพื่อจัดหาบริการเป็นการชั่วคราวหรือถาวรได้ แม้บริการจะคิดเป็น 60–70% ของจีดีพี แต่กฎหมายในขอบเขตดังกล่าวยังไม่มีการพัฒนาเท่ากับในขอบเขตอื่น ส่วนนี้มีการจัดการโดยมีการผ่านคำสั่งเรื่องบริการในตลาดภายในซึ่งมุ่งเปิดเสรีการจัดหาบริการให้ข้ามพรมแดน ตามสนธิสัญญาฯ การจัดหาบริการให้เป็นเสรีภาพตกค้างซึ่งใช้บังคับได้ต่อเมื่อไม่มีการใช้เสรีภาพอื่น
สหภาพการเงิน
การสถาปนาเงินตราเดียวยุโรปกลายเป็นวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการของประชาคมเศรษฐกิจยุโรปในปี 2512 ต่อมาในปี 2535 หลังได้เจรจาโครงสร้างและวิธีดำเนินการของสหภาพเงินตราแล้ว รัฐสมาชิกลงนามสนธิสัญญามาสทริชต์และถูกผูกพันตามกฎหมายให้บรรลุกฎที่มีการตกลงกันซึ่งรวมถึงเกณฑ์บรรจบหากต้องการเข้าร่วมสหภาพการเงิน รัฐที่ต้องการเข้าร่วมจะต้องเข้าร่วมกลไกอัตราแลกเปลี่ยนยุโรปเสียก่อน
ในปี 2542 สหภาพการเงินเริ่มต้น ทีแรกเป็นเงินตราบัญชีโดยมีรัฐสมาชิกสิบเอ็ดรัฐเข้าร่วม ในปี 2545 เงินตราดังกล่าวมีการใช้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมีการออกธนบัตรและเหรียญยูโรและเงินตราประจำชาติเริ่มต้นหายไปในยูโรโซน ซึ่งขณะนั้นมีรัฐสมาชิก 12 รัฐ ยูโรโซน (ซึ่งประกอบด้วยรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร) ได้เติบโตเป็น 19 ประเทศนับแต่นั้น
ยูโรและนโยบายการเงินของรัฐที่ใช้ในความตกลงกับสหภาพยุโรปอยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดย ECB เป็นธนาคารกลางสำหรับยูโรโซน ฉะนั้นจึงควบคุมนโยบายการเงินในขอบเขตนั้นโดยมีวาระเพื่อธำรงเสถียรภาพราคา ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของระบบธนาคารกลางยุโรป ซึ่งรวบรวมธนาคารกลางแห่งชาติทั่วทั้งสหภาพยุโรปและมีคณะมนตรีใหญ่ (General Council) เป็นผู้ควบคุม ซึ่งคณะมนตรีใหญ่นี้ประกอบด้วยประธานธนาคารกลางยุโรปที่มาจากการแต่งตั้งของที่ประชุมยุโรป รองประธานธนาคารกลางยุโรปและผู้ว่าการธนาคารกลางประจำชาติของรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 28 รัฐ
ระบบการควบคุมดูแลการเงินยุโรปเป็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างของโครงการควบคุมดูแลการเงินของสหภาพยุโรป ประกอบด้วยสามหน่วยงาน ได้แก่ การธนาคารยุโรป การประกันภัยและบำนาญอาชีพยุโรป และการหลักทรัพย์และตลาดยุโรป ในการเติมเต็มกรอบนี้ ยังมีคณะกรรมการความเสี่ยงเป็นระบบยุโรป (European Systemic Risk Board) ภายใต้ความรับผิดชอบของธนาคารกลางยุโรป จุดมุ่งหมายของระบบควบคุมการเงินนี้คือเพื่อประกันเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป
เพื่อป้องกันรัฐที่เข้าร่วมมิให้เผชิญปัญหาหรือวิกฤตการเงินหลังเข้าร่วมสหภาพการเงิน รัฐถูกผูกพันในสนธิสัญญามาสทริชต์ในบรรลุข้อผูกพันการเงินและวิธีดำเนินการที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อแสดงวินัยงบประมาณและการบรรจบทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนระดับสูง ตลอดจนการหลีกเลี่ยงการขาดดุลภาครัฐมากเกินและจำกัดหนี้สาธารณะที่ระดับยั่งยืน
พลังงาน
ในปี 2549 รัฐสมาชิกสหภาพยุโรป 27 รัฐมีการบริโภคพลังงานในแผ่นดินทั้งสิ้น 1,825 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมัน (toe) ประมาณ 46% ของพลังงานที่บริโภคมีการผลิตภายในรัฐสมาชิก ขณะที่อีก 54% มาจากการนำเข้า ในสถิติเหล่านี้ พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นพลังงานหลักที่ผลิตในสหภาพยุโรป โดยไม่คำนึงถึงแหล่งยูเรเนียม ซึ่งมีการผลิตในสหภาพยุโรปน้อยกว่า 3%
สหภาพยุโรปมีอำนาจนิติบัญญัติในขอบเขตนโยบายพลังงานเป็นส่วนใหญ่ของประวัติศาสตร์ นโยบายดังกล่าวมีเหง้าในประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป การริเริ่มนโยบายพลังงานยุโรปแบบบังคับและครอบคุลมมีการอนุมัติในการประชุมที่ประชุมยุโรปในเดือนตุลาคม 2548 และมีการพิมพ์เผยแพร่นโยบายฉบับร่างนโยบายแรกในเดือนมกราคม 2550
สหภาพยุโรปมีห้าจุดหลักในนโยบายพลังงาน ได้แก่ เพิ่มการแข่งขันในตลาดภายใน ส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นความเชื่อมโยงระหว่างสายไฟฟ้า ทำให้หลากหลายซึ่งทรัพยากรพลังงานโดยมีระบบสนองวิกฤตที่ดีขึ้น สถาปนาโครงสนธิสัญญาใหม่สำหรับความร่วมมือด้านพลังงานกับประเทศรัสเซียขณะที่พัฒนาความสัมพันธ์กับรัฐที่อุดมไปด้วยพลังงานในเอเชียกลางและแอฟริกาเหนือ ใช้อุปสงค์พลังงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นขณะที่เพิ่มการพาณิชย์พลังงานหมุนเวียน และสุดท้ายเพิ่มเงินทุนสำหรับเทคโนโลยีพลังงานใหม่
ในปี 2550 ประเทศสหภาพยุโรปทั้งหมดนำเข้า 82% ของอุปทานน้ำมัน 57% ของอุปทานแก๊สธรรมชาติ และ 97.48% ของอุปทานยูเรเนียม มีการพึ่งพาพลังงานรัสเซียอย่างมากซึ่งสหภาพยุโรปกำลังพยายามลด
เชิงอรรถ
↑ On 01990-10-03-3 ตุลาคม 1990, the constituent states of the former German Democratic Republic acceded to the Federal Republic of Germany, automatically becoming part of the EU.
อ้างอิง
↑ 1.01.1 "Eurostat – Population on 1 January 2016". European Commission. สืบค้นเมื่อ 11 July 2016..mw-parser-output cite.citationfont-style:inherit.mw-parser-output qquotes:"""""""'""'".mw-parser-output code.cs1-codecolor:inherit;background:inherit;border:inherit;padding:inherit.mw-parser-output .cs1-lock-free abackground:url("//upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/65/Lock-green.svg/9px-Lock-green.svg.png")no-repeat;background-position:right .1em center.mw-parser-output .cs1-lock-limited a,.mw-parser-output .cs1-lock-registration abackground:url("//upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/d6/Lock-gray-alt-2.svg/9px-Lock-gray-alt-2.svg.png")no-repeat;background-position:right .1em center.mw-parser-output .cs1-lock-subscription abackground:url("//upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/aa/Lock-red-alt-2.svg/9px-Lock-red-alt-2.svg.png")no-repeat;background-position:right .1em center.mw-parser-output .cs1-subscription,.mw-parser-output .cs1-registrationcolor:#555.mw-parser-output .cs1-subscription span,.mw-parser-output .cs1-registration spanborder-bottom:1px dotted;cursor:help.mw-parser-output .cs1-hidden-errordisplay:none;font-size:100%.mw-parser-output .cs1-visible-errorfont-size:100%.mw-parser-output .cs1-subscription,.mw-parser-output .cs1-registration,.mw-parser-output .cs1-formatfont-size:95%.mw-parser-output .cs1-kern-left,.mw-parser-output .cs1-kern-wl-leftpadding-left:0.2em.mw-parser-output .cs1-kern-right,.mw-parser-output .cs1-kern-wl-rightpadding-right:0.2em
↑ 2.02.1 "IMF World Economic Outlook Database, October 2016". International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 22 December 2016.
↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ<ref>
ไม่ถูกต้อง
ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อimf
↑ "Gini coefficient of equivalised disposable income (source: SILC)". Eurostat Data Explorer. สืบค้นเมื่อ 6 June 2016.
↑ "Common commercial policy". Europa Glossary. Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 6 September 2008.
↑ "Agriculture and Fisheries Council". The Council of the European Union. สืบค้นเมื่อ 6 September 2008.
↑ "Overview of the European Union activities: Regional Policy". Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 6 September 2008.
↑ "European Union". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 1 July 2009.international organisation comprising 27 European countries and governing common economic, social, and security policies....
↑ "European Union". The World Factbook. Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 11 October 2009.
↑ Anneli Albi (2005). "Implications of the European constitution". EU enlargement and the constitutions of Central and Eastern Europe. Cambridge, UK: Cambridge University Press, 2008. p. 204. ISBN 90-6704-285-4. สืบค้นเมื่อ 25 July 2011.In practical terms, the EU is perhaps still best characterised as a 'supranational organisation sui generis': this term has proved relatively uncontroversial in respect of national constitutional sensitivities, being at the same time capable of embracing new facets of integration
↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ<ref>
ไม่ถูกต้อง
ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEU1993
↑ "European Union reaches 500 Million through Combination of Accessions, Migration and Natural Growth". Vienna Institute of Demography.
↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ<ref>
ไม่ถูกต้อง
ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ2011-IMG-GDP
↑ [1]
↑ Consolidated version of the Treaty on European Union/Title III: Provisions on the Institutions
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สหภาพยุโรป |
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรป
- เว็บไซต์ของผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย
- เว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการยุโรป ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
Thaieurope.net เว็บไซต์ที่เป็นศูนย์รวมข่าวสารของสหภาพยุโรป จัดทำโดยหน่วยราชการไทยในยุโรป ประสานงานโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์
|
|
|
หมวดหมู่:
- สหภาพยุโรป
- ระบบการเมือง
- ระบอบสหพันธรัฐ
- บทความเกี่ยวกับ การเมืองการปกครอง ที่ยังไม่สมบูรณ์
(RLQ=window.RLQ||[]).push(function()mw.config.set("wgPageParseReport":"limitreport":"cputime":"0.948","walltime":"1.313","ppvisitednodes":"value":12641,"limit":1000000,"ppgeneratednodes":"value":0,"limit":1500000,"postexpandincludesize":"value":322724,"limit":2097152,"templateargumentsize":"value":57996,"limit":2097152,"expansiondepth":"value":10,"limit":40,"expensivefunctioncount":"value":26,"limit":500,"unstrip-depth":"value":1,"limit":20,"unstrip-size":"value":31262,"limit":5000000,"entityaccesscount":"value":0,"limit":400,"timingprofile":["100.00% 819.388 1 -total"," 32.07% 262.771 1 แม่แบบ:กล่องข้อมูล_ประเทศ"," 20.67% 169.335 4 แม่แบบ:Collapsible_list"," 16.48% 135.010 28 แม่แบบ:Flaglist"," 15.33% 125.615 1 แม่แบบ:รายการอ้างอิง"," 11.96% 97.965 9 แม่แบบ:Cite_web"," 10.40% 85.206 28 แม่แบบ:Flagcountry"," 9.98% 81.795 3 แม่แบบ:Navbox"," 9.91% 81.209 56 แม่แบบ:Nts"," 8.05% 65.930 26 แม่แบบ:Flagicon"],"scribunto":"limitreport-timeusage":"value":"0.138","limit":"10.000","limitreport-memusage":"value":3694030,"limit":52428800,"cachereport":"origin":"mw1304","timestamp":"20190603084425","ttl":2592000,"transientcontent":false););"@context":"https://schema.org","@type":"Article","name":"u0e2au0e2bu0e20u0e32u0e1eu0e22u0e38u0e42u0e23u0e1b","url":"https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B","sameAs":"http://www.wikidata.org/entity/Q458","mainEntity":"http://www.wikidata.org/entity/Q458","author":"@type":"Organization","name":"Contributors to Wikimedia projects","publisher":"@type":"Organization","name":"Wikimedia Foundation, Inc.","logo":"@type":"ImageObject","url":"https://www.wikimedia.org/static/images/wmf-hor-googpub.png","datePublished":"2004-07-30T12:56:31Z","dateModified":"2019-05-04T18:40:19Z","image":"https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/b/b7/Flag_of_Europe.svg"(RLQ=window.RLQ||[]).push(function()mw.config.set("wgBackendResponseTime":167,"wgHostname":"mw1333"););